Mitsubishi Mirage:มาดูรีวิว มิตซูบิชิ มิราจ แบบบ้าน ๆ กัน

เหตุก็เพราะว่า เมื่อไม่นานได้มีโอกาส ไปยืนด้อม ๆ มอง ๆ มิตซูบิชิ มิราจ บ้านใกล้เรือนเคียงมา เสียดายไม่มีกล้องไปด้วย เลยไม่ได้เก็บภาพรายละเอียดมา แต่เอาเป็นว่าฟังแค่ความรู้สึกหลังจากได้เห็นรถคันนี้ ก็แล้วกัน ส่วนตัวไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ หรืออะไรมาจากไหน แต่จะบอกเล่าประสปการณ์ตามที่ได้เห็นมาก็แล้วกันเนาะ

มาดูรูปร่างหน้าตากันก่อน

รูปร่างภายนอกของ มิตซูบิชิ มิราจ ออกแบบมาได้สวยพอสมควร เห็นแล้วนึกถึง นิสสัน มาร์ช แต่ของ มาร์ช ถ้าขับมาไกล ๆ นี่นึกว่า ขับ มินิ มาซะอีก แต่ของมิราจไม่ได้ออกแบบมาให้สวยดุดัน หรือโฉบเฉี่ยวอะไร…มันออกไปทางจุ๋มจิ๋ม น่ารักเสียมากกว่า

     ส่วนที่ทำให้ดูสะดุดตา และคิดว่าไม่น่ามีมาให้ ในรถ Eco car รุ่นเล็กแบบนี้ก็คงเป็น ไฟตัดหมอก เพราะจำได้ว่าเคยไปก้ม ๆ เงย ๆ ดูของ นิสสัน มาร์ช แล้วมันไม่มี …บางคนคิดว่าอาจจะไม่สำคัญ แต่สำหรับผม และคิดว่าอีกหลาย ๆ คน คงไม่ปฏิเสธ ว่ามันทำให้รถดูหล่อขึ้นอีก 20 % 

     รูปทรงภายนอกโดยรวมเหมือนจะดูใหญ่กว่า นิสสัน มาร์ช แต่คงเป็นเพราะส่วนท้าย ที่ไม่ได้โค้งมนมากกว่า เลยทำให้ดูใหญ่กว่า เพราะตามมิติขนาดตัวรถแล้วเนี่ย นิสสันมาร์ช จะต้องยาวกว่ามิราจเล็กน้อย

     ว่าแล้วก็ลองเข้าไปส่องดูภายในกันเสียหน่อย… อุปกรณ์มาตรฐาน ก็คงไม่ต้องพูดถึงอะไรกันมาก เพราะอะไรที่ควรจะมี มิตซูบิชิ มิราจ ก็จัดมาเต็มอยู่แล้ว ทั้งจอภาพ แบบทัชสกรีน ทั้งช่องเสียบต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แน่ ๆ เลยที่เจ๋งสุด ๆ ก็คงเป็นแอร์ระบบออโต้ โอ้วแม่เจ้า ใส่มาได้ไง…แต่ก็อีกนั่นแหละ มีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้นนะ

      แต่บอกตามตรง รถแบบนี้เวลานั่งผมรู้สึกอึดอัดมาก เพราะขนาดมันเล็ก ไม่เหมาะกับคนตัวใหญ่ ๆ อย่างผมเลย เข้าไปนั่งแป๊บเดียว เจ้าของรถบ่น เฮ่ย ๆ  …โช๊คยุบ!! (ว่าไปนู่น หนักแค่ 90 กิโลเอง)

      กำลังจะออกจากรถ พลันจ๊ะเอ๋..อ้าวนั่นมันช่องเสียบ USB นี่นา นี่สิ รถยุคนี้มันต้องแบบนี้แหละ..ถามไถ่ดู ก็พบว่ามีเกือบทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น GL ใครจะซื้อก็ถามไถ่เรื่องรุ่นดี ๆ นะ

เครื่องยนต์ของ Mitsubishi Mirage

เห็นว่าจิ๋วแต่แจ๋ว  สำหรับ มิราจ ที่มีเครื่องยนต์แต่ 1.2 ลิตรเท่านั้น ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันคงไม่ต้องพูดถึง เห็นว่าทำได้ดีกว่า นิสสัน มาร์ช เพราะสามารถทำได้ที่ 22 กม./ลิตร ก็สมกับเป็นรถ Eco car ยุคใหม่จริง ๆ

     ว่าแล้วก็มาดูระบบเกียร์กันบ้าง  ยอมรับเลย มิราจ ออกแบบเกียร์ได้น่าใช้มาก เป็นแบบขั้นบันได และมันก็ดูปลอดภัยสุด ๆ (เสียดาย ไม่ได้ขับ เจ้าของหวง) เกียร์เป็นแบบ CVT และก็มีแบบธรรมดาด้วย ส่วนเรื่องอัตราการเร่ง ออกตัวอะไรต่าง ๆ ก็ลื่นไหลดี ไม่มีอืด เห็นเจ้าของเขาว่างั้นอ่ะ

เปรียบเทียบระหว่าง Nissan march กับ Mitsubishi Mirage

ความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ คิดว่า ทั้งเป็นรถ Eco car ที่ตอบสนองกับผู้ที่ต้องการรถประหยัดน้ำมันได้อย่างดี แต่ถ้าพูดเรื่อง อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ผมว่ามิตซูบิชิ มีดีกว่าเยอะ กับราคาแค่ 380,000 บาท และ สูงสุดที่ 546 ,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่างกันมากกับนิสสัน มาร์ช ทำให้หลาย ๆคนเริ่มที่จะเป๋ มาทาง มิราจกันเยอะ…..

     แต่ยังมีส่วนที่ มิราจ สู้ มาร์ช ไม่ได้ก็คงเป็น รูปร่างหน้าตาแหละ…เพราะบอกตามตรง นิสสัน มาร์ช ออกแบบได้สวยกว่า… ถึงจะไม่มีไฟตัดหมอกก็เถอะ..ซึ่งไฟตัดหมอก ถ้าอยากได้ก็ไปหามาเพิ่มเอาก็ได้ ไม่มีปัญหา

     อัตราการบริโภคน้ำมัน ถ้าตามตัวเลข นั้น มิราจ อาจจะดีกว่านิดหน่อย เพราะกินน้ำมันแค่ 22 กม./ลิตร แต่ทางฝั่งของ มาร์ช มีอัตราการกินน้ำมันที่ 20 กม./ลิตร ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการทดลองขับจริง อย่างที่รู้ ๆ กันว่าอัตราการกินน้ำมัน มากน้อย ก็อยู่ที่คนขับด้วย รถคันเดียวกัน เส้นทางเดียวกัน แต่คนขับ คนละคน อัตราการกินน้ำมันก็คนละเรื่องเหมือนกัน

สรุปโดยรวม

Mitsubishi Mirage ถือเป็นรถที่น่าจับตามองอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งด้วยขนาดเครื่อง ที่เล็กและเทคโนโลยีการจัดการเชื้อเพลิงที่ดี ทำให้เป็นรถที่มีอัตราการกินน้ำมันน้อย มาก ๆ เมื่อเทียบกับรถรุ่นเดียวกัน แถมยังมีอุปกรณ์เสริมมาให้อีกมากมาย ไม่ได้ด้อยกว่ารถรุ่นอื่น ๆ สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ความชอบส่วนตัวแล้วล่ะครับ ว่ารถรุ่นไหน ที่โดนใจคุณมากที่สุด….  

อัพเดตเนื้อหา หลังจากมีคนถามกันมากเหลือเกิน ว่า มิตซูบิชิ มิราจ กับเจ้าเครื่องยนต์เล็ก ๆ แค่ 1.2 ลิตร เนี่ย มันขึ้นเขา ขึ้นเนินได้หรือเปล่า …ก็เลยไปไล่ถามชาวบ้านชาวช่องเขามา…ก็ได้ความว่า ถ้าไอ้เขา หรือ เนินที่ว่าเนี่ย มันมีถนนขึ้นไป ก็ไปได้หมดแน่นอน อย่าเอาไปลุยเนินหิน เนินดิน ที่ไม่มีทางขึ้นแล้วกัน ^o^ ก่อนหน้านั้นที่ อินทนนท์-เขาใหญ่ ก็ขึ้นกันจนทางเลื่อมแล้วมาแล้ว อ้อ…นี่คือคำเตือน!! ว่าอย่าไปขับขึ้น ทีลอซู หรือว่า ภูกระดึง แล้วกัน….เพราะเขาให้เดินขึ้นไป ไม่ได้ให้รถขึ้น ^O^